ธรรมมะกับชีวิตประจำวัน

               ในเมื่อหลักธรรมะได้ชี้ไว้ชัดเจนว่า “เหตุของสิ่งทั้งหลายอยู่ในรากฐานมนุษย์แต่ละคน”การศึกษาธรรมะ จึงน่าจะค้นหาได้ที่ตนเอง ไม่ว่าต้องการรู้เรื่องใดๆ หากพึงประสงค์ที่จะรู้ได้ถึงแก่น

ธรรมะ จึงน่าจะได้แก่ความจริงที่ปรากฏเป็นธรรมชาติอยู่ในรากฐานจิตใจของแต่ละคนมาแต่กำเนิด การศึกษาธรรมะหากต้องการรู้อย่างหยั่งถึงความจริง จึงน่าจะถือเอาสิ่งดังกล่าวแล้วมาเป็นพื้นฐาน โดยมุ่งปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จากสิ่งซึ่งมีอยู่ออกสู่สภาพความหลากหลายของเพื่อนมนุษย์ ตลอดจนสรรพสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏเป็นความจริงอยู่นอกตัวเป็นวัฏจักร ย่อมนำวิถีชีวิตไปสู่การหยั่งรู้ธรรมะได้ถึงของจริงลึกซึ้งขึ้นเป็นลำดับ

ในเมื่อมนุษย์ซึ่งดำรงชีวิตร่วมกัน มีความหลากหลาย ด้วยเงื่อนไขที่ปรากฏอยู่บนรากฐานจิตใจของแต่ละคน ดังนั้นความจริงซึ่งทุกคนมีอยู่ จึงมีธรรมชาติที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม การสานวิถีทางของการปฏิบัติจากสิ่งซึ่งแต่ละคนมีอยู่แล้ว จะบังเกิดจุดเริ่มต้นขึ้นได้ ตัวเองย่อมต้องหวนกลับมาค้นหาความจริงที่ตนเอง ให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนก่อนอื่น

การมุ่งทิศทางศึกษาธรรมะไปที่วัด ไปยังพระสงฆ์ หรือไปสู่หนังสือแม้ในหลักสูตร หากขาดสิ่งดังกล่าวเป็นฐาน ย่อมปรากฏผลเช่นเดียวกันกับการศึกษาในด้านคฤหัสถ์ หรือในด้านโลก ที่มุ่งไปเน้นอยู่กับสถาบันการศึกษา และครูรวมทั้งหลักสูตร ดังจะพบกับภาพของพฤติกรรม ซึ่งเมื่อเกิดปัญหามักมุ่งไปเน้นอยู่กับการปรับปรุงหลักสูตรจนเป็นนิสัย แต่การมุ่งไปค้นหาธรรมะที่วัด หากมองไปยังวิถีชีวิตก็น่าจะเป็นสิ่งดี สำหรับบุคคลผู้ยังเข้าไม่ถึงความจริง ซึ่งปรากฏอยู่ในตัวเอง

เนื่องจากเมื่อถึงจุดหนึ่ง ย่อมรู้ได้และหวนกลับมาค้นหาที่ตนเองในที่สุด ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้ ย่อมพบว่า ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็คงสามารถค้นพบธรรมะได้ แม้พระ จริงๆ ก็คือสิ่งซึ่งอยู่ในใจตนเองโดยแท้

ดังนั้น สิ่งซึ่งกล่าวกันเป็นครั้งคราวว่า พึ่งพาตนเองก็ดี เป็นตัวของตัวเองก็ดี หรือซื่อสัตย์ต่อตนเองก็ดี จึงถือเป็นสิ่งมีความหมายอย่างลึกซึ้ง และเป็นพื้นฐานความสำเร็จของการพัฒนาการศึกษาที่สำคัญที่สุด

อนึ่ง จากพื้นฐานสังคมซึ่งมีคนอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะมองสู่ช่วงใดช่วงหนึ่ง ภาพเฉพาะหน้าที่มองเห็น และมักนำมากล่าวก็คือ ความหลากหลายซึ่งหมายถึง ด้านอำนาจและรูปวัตถุ อำนาจหากนำมาใช้กับเพื่อนมนุษย์ผู้ซึ่งชีวิตยังอยู่ในช่วงที่ด้วยกว่า ย่อมปิดกั้นโอกาส มิให้สามารถสานกระแสความจริงจากสิ่งซึ่งปรากฏอยู่ในรากฐานของด้านที่ด้วยกว่า อันควรมีวิถีทางมุ่งสู่การรู้ธรรมะซึ่งมีเหตุมีผล สมบูรณ์พร้อมอยู่ในรากฐานตนเองลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่วนรูปวัตถุ หากนำมาเน้นการใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์แห่งตนจากเพื่อนมนุษย์ ย่อมมีอิทธิพลครอบงำ ทำให้ทิศทางที่มุ่งเรียนรู้ความจริง ต้องได้รับการปิดกั้นลึกซึ้งถึงรากฐานยิ่งขึ้น

ในอดีต จึงมีการกล่าวไว้ว่า ใครคิดและทำลายสิ่งใดก็ตาม หากมีความจริงใจ ย่อมบังเกิดผลดีได้ทั้งนั้น และขอขยายความต่อไปให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ความจริงใจต่อการปฏิบัติไม่ว่าสิ่งใด หากเป็นของจริงย่อมมีความจริงใจต่อเพื่อนมนุษย์เป็นพื้นฐาน ถ้าขาดสิ่งนี้เสียแล้ว แม้จะกล่าวว่ามีความจริงใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จริงๆ แล้วก็น่าจะอ่านได้ว่า คือความจริงใจที่แฝงไว้ด้วยประโยชน์ส่วนตนไม่มากก็น้อย

ในมุมหนึ่งใครขอฝากไว้แด่ครูผู้สอนหนังสือในสถาบันการศึกษาว่า แม้ศิษย์จะเรียนหนังสือไม่เก่งและในหลายๆ ครั้งอาจปฏิบัติในสิ่งซึ่งทำให้คิดว่าเป็นการกระทำผิด หากสิ่งซึ่งกระทำลงไปส่อเจตนารมณ์ให้เห็นชัดว่า “มีความจริงใจต่อเพื่อนมนุษย์”ผู้ใหญ่ควรแสดงความเข้าใจ และให้โอกาสเพื่อเขาจะปรับตัวเองได้อย่างอิสระ แทนการใช้อำนาจบังคับหรือลงโทษ แม้ในด้านการบริหารงานทุกระดับ ก็ควรถือหลักการบนพื้นฐานเดียวกันกับสิ่งที่กล่าวแล้ว

ดังนั้นบุคคลผู้เป็นพ่อแม่ของลูกก็ดี ครูของศิษย์ก็ดี หรือผู้บริหารของผู้อยู่ภายใต้อำนาจก็ดี ไม่ว่าในรูปลักษณะใด หากมีคุณสมบัติอันเป็นสิ่งซึ่งสังคมพึงปรารถนาโดยแท้ จำเป็นต้องมีรากฐานการศึกษาธรรมะที่เป็นของจริงอยู่ในตัวเองอย่างชัดเจน ทำให้สามารถเข้าใจความหมายของธรรม และปฏิบัติในสิ่งซึ่งชอบด้วยหลักธรรมได้ทุกๆ เรื่อง อย่างผสมกลมกลืนไปกับชีวิตประจำวัน รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนเองได้รับมอบหมายจากสังคม ณ จุดใดจุดหนึ่ง ก่อนการแยกตัวออกไปปฏิบัติธรรมในด้านรูปแบบ ซึ่งถือเป็นลักษณะขอกิ่งแขนงชีวิต

จากสิ่งที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพรวมอันถือเป็นสัจธรรมของชีวิต ไม่ว่าใครจะเติบโตขึ้นมา โดยที่มีการแยกกิ่งก้านสาขาออกไปเป็นคฤหัสถ์หรือสงฆ์ หรือแม้จากแต่ละด้าน จะมีการมุ่งสู่งานและชีวิตในแขนงใดแขนงหนึ่ง ซึ่งก็ถือเป็นสัจธรรมของแต่ละคน อันถือธรรมชาติเป็นสิ่งกำหนด หากขาดสิ่งที่กล่าวมาแล้วปรากฏอยู่ในรากฐาน ย่อมมุ่งวิถีทางไปสู่การมีส่วนร่วมสร้างปัญหาให้แก่สังคมเป็นสัจธรรมด้วยเช่นกัน โดยหลักการของแต่ละชีวิต มนุษย์เราจึงน่าจะถือว่า ความรักเพื่อนมนุษย์อันบริสุทธิ์ หากมีปรากฏอยู่ในรากฐานจิตใจของบุคคลใดเป็นธรรมชาติ ย่อมถือเป็นพื้นฐานการศึกษาและเรียนรู้ธรรมะ ที่มีโอกาสนำสู่ความเป็นผู้รู้และเข้าถึงความจริงได้ทุกๆ เรื่องสัจธรรมได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า คนผู้ซึ่งเห็นเพื่อนมนุษย์เป็นคนเช่นตน ย่อมมีโอกาสมองเห็นธรรมะในตัวเองอยู่แล้ว และยังได้กำหนดไว้อย่างสอดคล้องกันกับความจริงที่ปรากฏอยู่ในแต่ละคนด้วยว่า ลำดับความสำคัญของพฤติกรรมในด้านซึ่งแสดงออก โดยเน้นการปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ดังนั้นความรู้สึกซึ่งเห็นเพื่อนมนุษย์เป็นคนเช่นตน จึงหาใช่เน้นหนักอยู่ที่การพูดการเขียน หากต้องปฏิบัติจริงและอ่านได้รู้สึกได้จากธรรมชาติของบุคคลอื่น ท่านจึงกล่าวไว้ว่า การปฏิบัติของผู้ใหญ่และผู้ซึ่งชีวิตมีโอกาสผ่านมาก่อน เป็นสื่อถ่ายทอดความรู้ที่ช่วยให้เข้าถึงสัจธรรมไม่ว่าเรื่องใดได้ผลจริงจังยิ่งกว่าการพูดให้ฟังและเขียนให้อ่าน ดังนั้นหากบุคคลใดรับฟังจากการพูดหรือรับรู้จากการเขียนของบุคคลใด คงต้องมองที่การปฏิบัติของบุคคลผู้พูดผู้เขียนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ทั้งนี้และทั้งนั้น หากบุคคลใดผู้ซึ่งชีวิตมีโอกาสก้าวพ้นมาแล้ว จากวันที่เกิดมาสู่โลก ไม่ว่าน้อยหรือมาก หากรู้สึกได้ถึงสิ่งอันทรงคุณค่าดังกล่าว ซึ่งมีอยู่แล้วในตนเองโดยมุ่งรักษาไว้อย่างดีที่สุด และไม่ยอมให้อิทธิพลของสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกเข้ามาปรากฏอยู่เหนือกว่า ย่อมมีโอกาสที่จะพัฒนาตนเองขึ้นมาเป็นผู้รู้และเข้าใจถึงคุณค่าชีวิตเพื่อนมนุษย์ ซึ่งปรากฏความหลากหลายอยู่ในวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ย่อมมุ่งความหวังไปยังวิถีชีวิตของเขาทั้งหลาย ที่ยังต้องการโอกาสในการเรียนรู้ธรรมะ จากสิ่งซึ่งเป็นของจริงที่มีอยู่แล้วในรากฐานตัวเอง เพื่อมุ่งสู่ความเป็นมนุษย์ผู้มีความสมบูรณ์พร้อมในทุกๆ ด้าน อันถือเป็นอนาคตทั้งของแต่ละคนและของสังคม เพื่อการสร้างสรรค์อย่างแท้จริง

จากสมมติฐานบนพื้นฐานสัจธรรมที่มีการหยิบยกมากล่าวกันเสมอๆ ว่า มนุษย์แต่ละชีวิตซึ่งเกิดมา ย่อมปรารถนาความสุขด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นหากบุคคลใดไม่ว่ายืนอยู่ ณ จุดใดและประกอบการณ์ใด  หากสามารถรักษาความซื่อสัตย์ต่อสิ่งซึ่งปรากฏอยู่ในรากฐานตนเองไว้ได้อย่างมั่นคง กับอีกด้านหนึ่งก็มีการค้นหาเหตุและผลอย่างต่อเนื่อง ย่อมปรากฏวิถีทางที่เน้นนำปฏิบัติอย่างมีความสุขอยู่ในรากฐาน และมีกระแสเชื่อมโยงถึงความสุขกายอย่างเข้าถึงสิ่งที่แท้จริงด้วย

รายการวิทยุ FM92 ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งในรายการดังได้กล่าวถึงหลักธรรมของชีวิตรวมทั้งผู้มีพระคุณต่อชาติบ้านเมือง ออกอากาศ เวลา 20.00 –22.00 น. ทุกวันพุธ ได้ถูกอำนาจมืดสั่งปิดไปแล้ว

เธอที่รัก เวลานี้คนประเทศชาติกำลังแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย แต่ตัวฉันไม่เข้าข้างฝ่ายไหนทั้งสิ้น หากถือว่า ทุกชีวิตที่มีธรรมะเป็นพื้นฐาน “ธรรมย่อมคุ้มครองผู้มีธรรม”ฉันขอให้ทุกคนจงมีความสุข และมีจิตใจที่บริสุทธิ์เท่านั้นเป็นพอ “การกล่าวร้ายป้ายสีผู้อื่น ย่อมทำให้ตัวเองจำต้องพ่ายแพ้ภัยที่มันอยู่ในใจ ไม่เร็วก็ช้า”

 

ระพี สาคริก

22 ตุลาคม 2537

(จากเดิม ธรรมะจากชีวิตประจำวัน)

(ปรับปรุง 29 มีนาคม 2555)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *