เปิดประวัติ ‘ศ.ระพี สาคริก’ ผู้บุกเบิกวงการกล้วยไม้ไทยสู่สากล
ศาสตราจารย์ระพี สาคริก เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2465 เป็นบุคคลที่มีนิสัยรักธรรมชาติ รักการศึกษาและเรียนรู้ รักการคิด และสนใจต่อชีวิตที่มีการต่อสู้กับปัญหาต่างๆ อย่างอิสระเสรีมาตั้งแต่ชีวิตยังเยาว์วัยมาก
สิ้น “ศ.ระพี สาคริก” บิดาแห่งกล้วยไม้ไทย
เมื่อวันที่ 17 ก.พ.เพจเฟซบุ๊กของ เฟซบุ๊ก Paskorn Jamlongrach ผู้ใกล้ชิด ศ.ระพี สาคริก ได้โพสต์ข้อความว่า “ได้รับแจ้งจากครอบครัวท่าน ศ.ระพี สาคริก กลับคืนสู่ผืนดินแล้ว
ปราชญ์เกษตรผู้ทรงภูมิปัญญาและมีคุณูปการต่อภาคการเกษตรไทย “ศ.ระพี สาคริก”
ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อ อาจารย์ ระพี สาคริก ที่ได้รับคัดเลือก “ปราชญ์เกษตรผู้ทรงภูมิปัญญาและมีคุณูปการต่อภาคการเกษตรไทย” ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีพุทธศักราช 2552 ปีนี้เป็นปีแรกที่ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้คัดเลือกปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน เข้ารับพระราชทานประกาศเกียรติคุณในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปี 2552 ซึ่งในสาขา ปราชญ์เกษตรผู้ทรงภูมิปัญญาและมีคุณูปการต่อภาคการเกษตรไทย ผู้ได้รับการแต่งตั้งได้แก่ ศ.ระพี สาคริก นักวิจัยและนัก วิชาการเกษตร ผู้บุกเบิกวงการกล้วยไม้ของประเทศสู่สากล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และรมช.กระทรวงเกษตรฯ ศ.ระพี สาคริกเป็นบุคคลแรกที่ทำให้เปลี่ยนจุดศูนย์กลางของกล้วยไม้มาสู่ประเทศไทย สื่งที่ท่านได้ศึกษาค้นคว้ามาตลอดนับว่าเป็นคุณประโยชน์อย่างมากต่อวงการ เกษตร โดยเฉพาะในวงการศึกษาและวงการกล้วยไม้ จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น บิดาแห่งกล้วยไม้ไทย เนื่องในวันพืชมงคลและวันเกษตรกรแห่งชาติ ประจำปี 2552 ซึ่งตรงกับวันที่ 11 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายธวัชชัย สำโรงวัฒนา รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ว่ากระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการสรรหาปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน 4 สาขา ตามคุณสมบัติและหลักเกณฑ์การคัดเลือกในภาพรวมโดยจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความ สามารถ ความเชี่ยวชาญ และผลงานเกี่ยว กับด้านการเกษตรอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมรวมถึงมีประวัติและวิถีชีวิตที่มี คุณธรรม มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล มีจิตใจและการปฏิบัติตนที่แสดงถึงการอุทิศเวลา ความรู้ […]
ศาสตราจารย์ระพี สาคริก
ศาสตราจารย์ระพี สาคริก เกิดที่วรจักร เขตป้อมปราบ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรชายคนโตของขุนตำรวจเอก พระมหาเทพกษัตริยสมุห (เนื่อง สาคริก) และคุณแม่สนิท ภมรสูตร เริ่มต้นการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนสามเสนวิทยาคาร และจากนั้นได้ย้ายโรงเรียนอีกหลายแห่ง ตั้งแต่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนจิตรลดา โรงเรียนนาฏศิลป์ โรงเรียนวัดเบญจมบพิตรหรือ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรใน ปัจจุบัน จนจบชั้นมัธยมบริบูรณ์ และได้รับประกาศนียบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการถึง 2 ใบจากนั้น จึงได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ต่อมาสถาปนาขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลักสูตรปริญญาตรี 5 ปี เมื่อ พ.ศ. 2486)ซึ่งเปิดสอนระดับเตรียมมหาวิทยาลัยที่แม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ โดยศึกษาในคณะเกษตร ศาสตราจารย์ระพี สาคริกได้เลือกศึกษาด้านกสิกรรมและสัตวบาล สาขาปฐพีวิทยาระดับปริญญาตรีและได้รับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อ พ.ศ. 2490 ชีวิตเมื่อเยาว์วัยและการศึกษา ศาสตราจารย์ระพี สาคริก เกิดที่วรจักร เขตป้อมปราบ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรชายคนโตของขุนตำรวจเอก พระมหาเทพกษัตริยสมุห (เนื่อง สาคริก) และคุณแม่สนิท ภมรสูตร เริ่มต้นการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนสามเสนวิทยาคาร และจากนั้นได้ย้ายโรงเรียนอีกหลายแห่ง ตั้งแต่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนจิตรลดา โรงเรียนนาฏศิลป์ […]
ประวัติย่อศาสตราจารย์ระพี สาคริก ที่เกี่ยวกับงานกล้วยไม้
ประวัติย่อศาสตราจารย์ระพี สาคริก ที่เกี่ยวกับงานกล้วยไม้ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2465 เป็นบุคคลที่มีนิสัยรักธรรมชาติ รักการศึกษาและเรียนรู้ รักการคิด และสนใจต่อชีวิตที่มีการต่อสู้กับปัญหาต่างๆ อย่างอิสระเสรีมาตั้งแต่ชีวิตยังเยาว์วัยมาก จากการที่ได้แสดงออกมาตั้งแต่เล็ก ถึงความฝังจิตฝังใจและผลการเรียนที่สูงมากทางด้านวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ และการประดิษฐ์คิดค้นเช่น เครื่องบินเล็ก เครื่องส่งวิทยุ และเครื่องมือจัดรูปภาพ ซึ่งในยุคนั้นมิใช่สิ่งแพร่หลายนักสำหรับเด็กไทย ในด้านศิลปะในสมัยนั้นยังเด็ก ก็ได้แสดงออกถึงความมีจิตวิญญาณด้านนี้อยู่ในอุปนิสัยใจคอ มีความรักธรรมชาติ รักต้นไม้ รักสัตว์เลี้ยง รักการเขียนภาพ ถ่ายภาพ และรักการดนตรี ดังเช่นการเล่นไวโอลินมาตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ และมีผลงานการแต่งเพลงอยู่ในวงดนตรีสุนทราภรณ์และเค.ยูแบนด์ด้วย สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งก็คือ เป็นผู้ที่มีอุปนิสัยสุภาพอ่อนโยน มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์มาตั้งแต่เด็ก จนเป็นที่รักของบรรดาเพื่อนๆ ที่รู้จักมาโดยตลอด เมื่อมีภาวะความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างเพื่อนๆ ที่อยู่กันเป็นจำนวนมากมักได้รับการขอร้องให้เป็นผู้ประสานรอยร้าวเสมอๆ กล้วยไม้เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งศาสตราจารย์ระพี สาคริก ได้แสดงออกถึงความรักความสนใจมาตั้งแต่อายุได้เพียง 10 กว่าขวบปี และการดำเนินชีวิตที่สัมพันธ์อยู่กับสิ่งที่รักที่สนใจอย่างจริงจัง ที่ทำให้พบกับความคิดแคบและความมีใจแคบของคนในสังคมได้เป็นแรงผลักดันอย่างสำคัญที่ทำให้ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ต่อสู้กับสิ่งที่สวนทางกับความคิดความเชื่อของตนเองอย่างทุ่มเทให้ด้วยชีวิตและจิตใจ ท่ามกลางภาพที่สะท้อนให้ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก เห็นว่า […]
เข้าป่าหากล้วยไม้ครั้งแรกในชีวิต
โดย ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ……………………………………………………………………… บทนำ จากชีวิตในช่วงที่ยังเป็นเด็กเล็กๆมาจนถึงวัยกว่า 15 ขวบ สิ่งซึ่งตนเองได้รับการถ่ายทอดจากพ่อ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า พ่อต้องการเลี้ยงลูกให้เรียนรู้สัจธรรมจากความลำบาก และ การต่อสู้ด้วยลำแข้งตัวเองมาโดยตลอด ถึงกับบางครั้งได้ยินคำปรารภจากญาติผู้ใหญ่ที่กล่าวว่า คุณพระฯ. เลี้ยงลูกให้รู้จักความลำบาก เช่นเดียวกับที่ตัวเองเคยเผชิญมาแล้ว ภาพของกล้วยไม้พื้นบ้าน 5 – 6 กระเช้า ซึ่งปลูกใส่กระเช้าไม้สักแขวนทิ้งไว้บนราวกลางแดดกลางฝน โดยที่อาศัยร่มเงาชายคาเล็กๆน้อยๆหน้าเรือนไม้ชั้นเดียว อันเป็นที่อยู่อาศัยของพ่อ – แม่ และผม ซึ่งตัวเองไม่เพียงเดินผ่านไปมาวันละหลายๆเที่ยว แต่ยังมีใจจดจ่ออยากรู้อยากเห็นว่ามันเป็นกล้วยไม้อะไร ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกลึกๆแล้วยังสร้างภาพเป็นจินตนาการที่เชื่อมโยงไปถึง ภาพอันสวยสดงดงาม ที่ช่วยให้เกิดความรู้สึกมีชีวิตชีวา ของกล้วยไม้ซึ่งกำลังออกดอกสะพรั่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของป่าอย่างเป็นธรรมชาติ ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งผมและน้องๆได้รับการฝึกฝนมาจากพ่อคือ ความรัก ความสนใจ ในการใช้ชีวิตนอนกลางดินกินกลางป่า และฝึกให้ลูกๆรู้จักการยิงปืน ตลอดจนถึงการรักษาปืน พ่อมีปืนลูกซองแฝดอยู่กระบอกหนึ่ง เป็นปืนซึ่งสั่งซื้อมาจากยุโรปเป็นพิเศษ ก่อนการสั่งซื้อได้มีการวัดความยาวช่วงแขนของพ่อและส่งข้อมูลไปประกอบการทำช่วงพานท้ายปืนกระบอกนี้ให้มีขนาดและความยาวอย่างสอดคล้องกัน ที่ด้านนอกของโก่งไกปืนมีลายเซ็นของพ่อสลักไว้อย่างสวยงาม กับอีกกระบอกหนึ่งคือปืนยาวอัดลมเบอร์ 2 ซึ่งปืนกระบอกนี้ได้มีการดัดแปลงกลไกที่อยู่ภายในไว้เป็นพิเศษ กล่าวคือ อัดเอาสปริงลูกสูบเข้าไว้ถึงสองท่อน ให้มีแรงอัดลมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของปืนอัดลมธรรมดา สำหรับปืนลูกซองนั้นภายในซองกระสุนจะบรรจุกระสุนไว้มากน้อยแล้วแต่ลักษณะของเป้าที่ต้องการจะยิง ถ้ายิงสัตว์ขนาดกลางก็มักใช้เบอร์ 9 […]
ประวัติชีวิตและงาน
ประวัติชีวิตและงาน ——-ศาสตราจารย์ระพี สาคริก เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2466 ณ ตำบลวรจักร อำเภอป้อมปราบ กรุงเทพฯ. เป็นบุตรคนโตของ ขุนตำรวจเอก พระมหาเทพกษัตรสมุท (เนื่อง สาคริก) ข้าราชการในราชสำนักของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมพระตำรวจหลวง ในราชสำนักพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ คุณแม่สนิท ภมรสูต สมรสกับ นางสาวกัลยา มนตริวัต บุตร พลตำรวจตรีขุนพิชัยมนตรี อดีตหัวหน้าเสรีไทยค่ายกาญจนบุรี และรองอธิบดีตำรวจฝ่ายปราบปราม การศึกษา ——-พ.ศ. 2469 เริ่มการศึกษาประถมศึกษาที่โรงเรียนสามเสนวิทยาคาร แล้วย้ายโรงเรียนเรื่อยมาอย่างหลากหลายไม่ต่ำกว่า 8 แห่ง ทั้งโรงเรียนใหญ่และโรงเรียนเล็ก ——-พ.ศ. 2480 ระหว่างเรียนอยู่ชั้นมัธยม 7 กระทรวงศึกษาธิการปรับหลักสูตรมัธยมบริบูรณ์จาก ม. 8 มาเป็น ม. 6 โดยตัดเอา ม. 7 และ ม. 8 […]
ประสบการณ์จากงานประชุมกล้วยไม้โลกของข้าพเจ้า
บทนำ ตั้งแต่เล็กแต่น้อยจนกระทั่งเติบใหญ่ ผมโตขึ้นมาจากรากฐานความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างชัดเจนมาก ทั้งๆ ที่เกิดการดงวัตถุในกรุงเทพฯ และเกิดจากครอบครัวซึ่งมีหัวหน้ารับใช้ใกล้ชิดอยู่กับด้านบน แต่วิถีความคิดตนกลับมุ่งความรักลงสู่ด้านล่าง รวมทั้งชีวิตเพื่อนมนุษย์ซึ่งเติบโตตามมาภายหลัง ผมไม่เคยสนใจที่จะตะเกียกตะกายขึ้นไปเรียนมหาวิทยาลัยเช่นหลายๆ คน และไม่สนใจที่จะวิ่งเข้าไปสมัครงานเพื่อรับใช้ราชการ หากมุ่งทำงานตามแนวคิดซึ่งตนมีอยู่ในรากฐานตัวเองอย่างมีความสุขมาโดยตลอด ส่วนการที่วิถีชีวิตถูกกำหนดให้ต้องเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยก็ดี เสร็จแล้วออกไปทำงานแล้วยังถูกกำหนดให้ต้องเข้าไปอยู่ในระบบราชการก็ดี ล้วนเป็นเรื่องซึ่งเข้ามาหาเองทั้งสิ้น จึงช่วยให้ตนสามารถรักษาธรรมชาติในตัวเองไว้ได้อย่างชัดเจนตลอดมา อนึ่ง การริเริ่มสร้างงานกล้วยไม้ ระหว่างช่วงแรกๆ ประมาณปี พ.ศ. 2490 หลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยใหม่ๆ แม้ว่าอาจทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว อีกทั้งยังถูกรุมบีบคั้นจากคนกลุ่มเก่าซึ่งมีความเห็นแก่ตัว นำกล้วยไม้มาเป็นของเล่นและใช้เป็นเครื่องมือดูถูกเพื่อนมนุษย์ระดับล่าง รวมทั้งเยาวชนคนรุ่นหลัง แต่ตนก็มีสมาธิแข็งแกร่งพอที่จะยืนอยู่ท่ามกลางกระแสดังกล่าวได้อย่างมั่นคง และมุ่งปฏิบัติจากแนวคิดของตัวเอง รวมทั้งนำปัญหาต่างๆ ที่พบ มาวิเคราะห์ค้นหาเหตุผล จนกระทั่งความรู้สึกโดดเดี่ยวคลี่คลายลงไปและได้รับความชื่นชมยินดีกว้างขวางมากขึ้น ผมยังจำได้ดีว่า การมุ่งมั่นทำงานจากรากฐานที่ละลดภาวะยึดติด ได้ช่วยให้ตนมองเห็นทางออกตามที่ปรารถนาตลอดมาโดยไม่มีสิ่งใดจะปิดกั้นไว้ได้ แม้ในช่วงนั้นตนจะถูกมองจากคนในด้านราชการว่า กำลังยุคนให้ปลูกกล้วยไม้ซึ่งเป็นวัชพืชทำลายเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง แม้กระทั่งผู้บริหารองค์กรต่างประเทศซึ่งเข้ามาช่วยงานมหาวิทยาลัยเกษตรเปรียบเทียบกล้วยไม้เสมือนเป็น แดนดี ไลออน (Dandy Lion) ซึ่งเป็นวัชพืชชนิดหนึ่งซึ่งขึ้นระบาดอยู่ในไร่นาของสหรัฐอเมริกาอย่างกว้างขวาง จนเป็นที่รังเกียจของเกษตรกรที่นั่น ผมกับภรรยาได้ร่วมกันทำงานเพื่อสร้างบ้านหลังเล็กๆ ขึ้นหลังหนึ่ง บนพื้นที่ดินภายในซอยพิชัยมนตรี (ซอย41) ถนนพหลโยธิน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มากนัก โดยที่ ช่วงนั้นยังมีสภาพทั่วๆ เป็นพื้นนาปลูกข้าว และไม่ลืมว่าจะต้องสร้างเรือนกล้วยไม้ไว้ใช้งานศึกษาค้นคว้าหาความรู้ตามความคิดของตนซึ่งใฝ่ฝันมานานแล้ว […]