คุณค่าของสิ่งที่อยู่ในความมืดมิด

เธอที่รัก เมื่อบ่ายวันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553 ฉันเพิ่งได้รับคนขับรถมาใหม่ๆ ฉันมักพูดกับหลายคนว่า ตนไม่มีอะไรเป็นของตัวเองแทบทุกสิ่งทุกอย่างจะมีคนอื่นนำมาให้ใช้ รถก็มีคนเอามาให้ แถมคนขับรถก็ยังมีคนจ้างเอาไว้ให้ใช้อีกด้วย ส่วนตัวเองนั้นคงมีหน้าที่พิจารณาว่า ถ้าเขาเอามาให้แล้วต้องการผลประโยชน์ตอบแทน ฉันก็จะปฏิเสธ หากมาให้แล้วมีความสุขฉันจะรับเอาไว้ ถ้าเป็นเงินทองก็จะเก็บเอาไว้เพื่อใช้ทำงานให้แก่ส่วนรวม หากตัวเองจะดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย แม้แต่หลายครั้งหลายหนเธออาจมองเห็นว่าฉันชอบนั่งรถแท็กซี่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าคนขับรถซึ่งชีวิตยังตกทุกข์ได้ยากนั้นมักมีแนวโน้มที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นความจริง แถมยังมีโอกาสทำให้ฉันผูกมิตรกับคนเหล่านี้และช่วยให้เขามีกำลังใจในการประกอบอาชีพอันสุจริต

ในวันนั้น ระหว่างที่นั่งรถไปเขตหนองแขม ฉันได้ยินเสียงคนขับรถถามฉันว่า “คุณพ่อครับ คุณพ่อสนใจอ่านหนังสือรึเปล่า” ฉันตอบกลับไปว่า “สนใจซิ มองเห็นหรือเปล่าว่าเวลานี้ฉันก็กำลังอ่านหนังสือ?” ฉันสังเกตเห็นเขาแสดงอาการสงสัย
ทั้งนี้เนื่องจากมองไปยังกระจกส่องหลังคงไม่เห็นฉันถืออะไรอยู่ในมือแม้แต่ชิ้นเดียว เมื่อฉันเห็นอากัปกิริยาแบบนั้น จึงพูดต่อไปว่า “คงไม่เห็นใช่ไหม?” อย่างสงสัยซิ เพราะคุณพ่ออ่านหนังสือที่มันเป็นของจริง หนังสือที่เข้าใจและมองเห็นได้ภายในแสงสว่างนั้นมันอาจเป็นหนังสือซึ่งมนุษย์สมมติขึ้นมาเท่านั้น เพราะหนังสือแบบนี้มันก็เป็นเพียงตัวหนังสือที่อยู่บนแผ่นกระดาษ จึงหาใช่ของจริงไม่
ฉันถามต่อไปอีกว่า คุณได้อ่านบทความที่ชื่อว่า “ตำราเล่มนี้มีวิญญาณ”หรือเปล่า ถ้าสามารถเข้าใจได้ว่าการนำปฏิบัติจากความจริงที่มันอยู่ในใจเธอเองนั่นแหละคือการเขียนหนังสือที่มันเป็นของจริง ทั้งนี้เพราะเหตุว่าถ้าไม่ยึดติดอยู่เพียงสิ่งสมมติที่อยู่บนพื้นฐานด้านรูปวัตถุ หากนำปฏิบัติสิ่งซึ่งได้รับและเข้าไปลงรากฝังลึกอยู่ในใจเธอเอง สิ่งนี่ตังหากที่มันเป็นหนังสือ ดังนั้นแม้แต่การนั่งอยู่ในความมืดมิดของแสงสว่าง ถ้าเธอมีปัญญาก็ย่อมมองเห็นได้อย่างเป็นธรรมชาติ แถมยิ่งมืดก็ยิ่งอ่านได้อย่างชัดเจนโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งนั้น
ดังนั้น ฉันจึงมักพูดกับหลายคนว่า “ยิ่งมืดเท่าไหร่ก็ยิ่งสว่างมากเท่านั้น”
สิ่งนี่หรือมิใช่ที่อาจเรียกได้ว่า “คือการปฏิบัติธรรมจากความจริงที่ค้นหาได้จากใจตนเอง”
จากความคิดที่ฉันมักกล่าวว่า “ยิ่งเล็กก็ยิ่งใหญ่ ยิ่งมืดก็ยิ่งสว่าง ยิ่งโง่ก็ยิ่งฉลาด” และสิ่งเหล่านี้ถ้าจะให้กล่าวสรุปก็คงบอกได้ว่า “จงเป็นผู้ที่อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว”

6 กันยายน 2553

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *