กล้วยไม้ ศัตรูของมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์จริงหรือเปล่า

ในอดีตเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปีพ.ศ. 2470 หลายฝ่ายมองเห็นว่ากล้วยไม้คือศัตรูของเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้มองเห็นคน คงถูกบดบังจากกิเลสตัวเองที่มองเห็นว่ากล้วยไม้เป็นพืชทำลายเศรษฐกิจของชาติ จนกระทั่งตัวฉันซึ่งมีวิญญาณการต่อสู้กับใจตนเองอย่างเข้มแข็งมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งซึ่งทำลายเศรษฐกิจนั้นมันไม่ใช่กล้วยไม้ หากเกิดจากกิเลสที่มันอยู่ในใจมนุษย์ผู้มองมากกว่า ตัวฉันเองจึงลุกขึ้นมายืนหยัดต่อสู้อย่างผู้ทระนงองอาจ

ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้เริ่มต้นยอมรับกระทั่งขอตัวฉันให้มาทำงานอยู่ในภาควิชาพืชกรรม (ชื่อในอดีตตั้งแต่ปีพ.ศ. 2514) ในที่สุดตัวฉันเองก็ต้องมาพบกับความจริงอีกว่า แม้มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ที่เข้ามาตั้งสำนักงานท้องถิ่นอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการจัดการศึกษาสองสาขา คือแพทย์ศาสตร์และเกษตรศาสตร์ โดยเฉพาะในด้านเกษตรศาสตร์ได้เน้นความสำคัญโดยถือว่าพืชไร่ดังเช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง รวมทั้งถั่วต่างๆ เป็นเป้าหมาย ซึ่งชั้นแรกก็ได้มาตั้งอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยมหิดล ครั้นถัดจากนั้นมาอีกไม่กี่ปีก็เปลี่ยนสถานที่ตั้งใหม่เพื่อเข้ามาอยู่ในบริเวณวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่บางเขน แถมยังประกาศตัวและใจเป็นศัตรูกับกล้วยไม้โดยนำเอามาเปรียบเทียบเปรียบเปรยเสมือนเป็นวัชพืชที่มีชื่อว่า “แดนดี้ ไลอ่อน” ทั้งนี้เพราะเหตุว่าในสหรัฐอเมริกาวัชพืชชนิดนี้ลงได้ไปขึ้นระบาดอยู่ในเรือกสวนไร่นาของคนอเมริกันแล้วก็จำเป็นต้องต่อสู้กับมันโดยลงมือปราบปรามอย่างหนัก

“นี่แหละชีวิตฉันไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จึงมักโชคดีเป็นส่วนใหญ่” ที่ฉันกล่าวว่า “โชคดี”นั้น หลายคนอาจสงสัยว่า เหตุใดฉันจึงพูดว่าตัวเองมีโชคดี ทั้งๆ ที่เข้าไปอยู่ที่ไหนก็มักมีแนวโน้มพบกับศัตรูมาตลอด ฉันจะบอกให้ก็ได้ว่า เพราะศัตรูประเภทนี้ได้ช่วยให้ตัวเองเรียนรู้ธรรมะอย่างเป็นธรรมชาติ

หลายคนอาจรู้สึกสงสัยต่อมาอีกว่า มันเป็นเพราะเหตุใดฉันจึงได้พูดออกมาแบบนี้
เธอไม่รู้หรอกหรือว่า ศัตรูที่มันสอนให้เรารู้สึกต่อสู้กับกิเลสที่มันอยู่ในใจตนเองนั้น ย่อมช่วยชำระล้างอคติภายในใจ เมื่อชำระล้างได้ก็ย่อมมองเห็นธรรมชาติที่แท้จริงภายในใจตนเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ต่อไปนี้ ฉันจะเล่าเรื่องราวระหว่างตนกับมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ให้เธอรับทราบจากความรู้สึกที่น่าสนุกสนานหรือไม่ก็อาจทำให้เธอต้องคิดหนักเพิ่มมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
……………………………………………………………………………..
ความจริงแล้ว ตัวฉันเองเป็นคนที่มีรากฐานจิตใจอิสระในระดับหนึ่งมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กซึ่งประเด็นนี้ได้ช่วยให้ฉันเป็นคนที่มีนิสัยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใดๆ จากภายนอกทั้งนั้น “เมื่อไม่เกรงกลัวอำนาจจากภายนอกก็ย่อมมองเห็นความสำคัญของอำนาจที่มันแฝงอยู่ในจิตใจตนเอง” ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันมักมีแนวโน้มเอาชนะใจตนเองด้วยความอดทนเข้มแข็งมาตลอด แม้แต่การเริ่มต้นจับงานเรื่องกล้วยไม้ ซึ่งแท้จริงแล้วหากจะพูกว่าฉันต่อสู้กับอิทธิพลภายนอก โดยไม่มีอาวุธใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากคำว่า “มือเปล่า” ซึ่งมันไม่ใช่เพียงมือเปล่าทั้งนั้น หากมีรากฐานจิตใจที่ว่างเปล่าถึงระดับหนึ่งแล้ว

ดังนั้น สิ่งที่พิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือการที่ตัวฉันเองเดินก้าวเข้าไปหาคนที่ใครๆ เขาเชื่อว่าคือเจ้าปัญหาด้วยความกล้าหาญมาตลอดทั้งชีวิตนี่แหละ

สรุปแล้ว ตัวฉันเองสามารถปรับใจได้อย่างอิสระจึงมีความคล่องตัวที่จะคบหาและผูกมิตรกับคนทุกระดับชั้น ยิ่งเป็นคนระดับล่างซึ่งควรถือว่าคือพื้นฐานการดำเนินชีวิตของตนรวมทั้งสังคม ฉันก็ยิ่งให้ความสำคัญมากที่สุด
บังเอิญตัวเองอุตริมาจับเรื่องกล้วยไม้ แต่ภายในพื้นฐานการดำเนินชีวิตมาตั้งแต่ยังมีอายุไม่มากนัก คนทั่วไปก็เริ่มต้นให้ความรักความเมตตาซึ่งเป็นบ่เกิดแห่งความศรัทธาบารมี

การที่ฉันก้าวเข้ามาจับงานกล้วยไม้อย่างผู้กล้าหายทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่ากล้วยไม้คือพืชทำลายเศรษฐกิจของชาติ แม้กระทั่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรก็ยังมายืนชี้หน้าฉันว่า “คุณนั่นแหละยุให้คนทำลายเศรษฐกิจของบ้านเมือง” แต่ฉันกลับรู้สึกว่ากระแสคำพูดดังกล่าวเสมือนให้เกียรติสูงสุดแก่ตัวฉันน้อยคนนักจะถูกชี้หน้าแบบนี้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังมีอายุน้อยมาก

ตัวฉันเอง ในเวลาราชการก็ถูกสั่งให้ทำงานค้นคว้าวิจัยเรื่องข้าว ครั้นว่างจากเวลาราชการ แม้เย็นๆ ค่ำๆ ก็ยังเอาเวลาส่วนตัวมาทำงานค้นคว้าวิจัยรวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนผู้สนใจหาความรู้เกี่ยวกับกล้วยไม้ อีกทั้งนำเอาระบบการจัดการเกี่ยวกับบุคลากรมาใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เรียนถึงเรื่องราวของการจัดการมาก่อน
ถ้าว่าไม่ได้เรียนมันก็จริงสำหรับคนตาบอดตาใส แต่คนที่มีปัญญาก็ย่อมมองเห็นว่า ตัวฉันเองเรียนมาจากธรรมชาติที่มันอยู่ในจิตใจตนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

ช่วงนั้น“ศาสตราจารย์ดร. สตางค์ มงคลสุข” ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการจัดการศึกษาแห่งชาติได้มานาน อีกทั้งยังเป็นคนที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการนำเอามูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์เข้ามาช่วยในการจัดการศึกษา ตัวฉันเองก็ไม่คิดว่าท่านอาจารย์สตางค์จะรู้จักฉันดี ครั้นเอาเข้าจริงๆ จึงรู้ว่าท่านผู้นี้หาได้รู้จักแต่เพียงผิวเผินไม่ หากยังมีความรู้สึกเคารพและศรัทธาในการทำงานของฉันมาตั้งแต่ตัวฉันเองยังเป็นข้าราชการตัวเล็กคนหนึ่งท่านนั้น
ครั้นแลเห็นว่าฉันกำลังหาสถานที่เพื่อรับใช้ประชาชนเกี่ยวกับการศึกษาอบรมเรื่องกล้วยไม้ในเวลาเย็นๆ ค่ำๆ ซึ่งนับว่านอกเวลาราชการ ตัวฉันเองก็ยิ่งทำงานหนักมากยิ่งขึ้นกว่าเก่า ทั้งๆ ที่คนอื่นเขาก็มุ่งกลับบ้านเพื่อพักผ่อนอยู่กับลูกกับเมีย นี่แหละคือที่มาที่ไปซึ่งนำใช้ข้องไปเกี่ยวข้องกับมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์โดยไม่รู้ตัว

ในช่วงเริ่มแรกของการให้บริการฝึกอบรมเกี่ยวกับกล้วยไม้ นอกจากเวลาราชการนั้น ตัวฉันยิ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนบุคคลภายนอกเพิ่มมากยิ่งขึ้นจนกระทั่งปริมาณผู้เข้ารับการอบรมซึ่งแม้จะเริ่มต้นมาแต่เพียงจำนวน 36 คน โดยบริษัทไทยโทรทัศน์จำกัดได้ให้ฉันใช้ห้องส่งกระจายเสียงภายในบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นที่ 4 ของอาคารราชดำเนิน และการจัดอบรมแต่ละครั้งซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ในที่สุดจำนวนผู้เข้ารับการอบรมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งล้นห้อง

แต่ดูเหมือนว่าคนที่สร้างสมคุณงามความดีไว้ให้แก่สังคมนั้น ทำอย่างไงเสียก็ไม่เข้าตาจน
หลังจากปริมาณผู้เข้ารับการอบรมได้เพิ่มขึ้นจนกระทั่งถึงร้อยกว่าคนภายในช่วงเวลาไม่เกิน 2 ปี ในที่สุดท่านอาจารย์สตางค์ก็ได้กรุณายื่นมือเข้ามาให้ความอุปถัมภ์ โดยขอให้ฉันเข้าไปใช้ห้องประชุมขอสภาการศึกษาแห่งชาติซึ่งมีขนาดจุคนได้ 200 คน และแล้วในที่สุดจำนวนผู้เข้ารับการอบรมก็เต็มห้องภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี อีกนั่นแหละ แถมยังหวนกลับมารับใช้การทำงานของฉันด้วยความรู้สึกรักและศรัทธาจนกระทั่งมีคนนำฉันออกไปร่วมกิจกรรมระหว่างประเทศในปี พ.ศ. 2506 โดยเริ่มต้นจากมาเลเซียไปก่อนซึ่งช่วงนี้ถนนเส้นดังกล่าวได้พาชีวิตฉันเดินออกไปสู่การประชุมระดับโลกครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์

ไม่เพียงด้านนอกเท่านั้น ยิ่งไปด้านในด้วยแล้ว ระหว่างช่วงการจัดประชุมอบรมประชาชน ตัวฉันเองได้เปิดโอกาสให้คนทุกสาขาอาชีพเข้ามารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวจึงปรากฏว่าภายในชั้นมีทั้งพลทหารไปจนถึงนายร้อย นายพันก่อนที่จะมีการแต่งตั้งนายพล สำหรับประชาชนคนทั่วไปก็มีทั้งคนที่ใช้ชีวิตเป็นกรรมกรหาเช้ากินค่ำไปจนกระทั่งถึงรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่บริหารประเทศ นอกจากนั้นสำหรับวัยวุฒิก็มีทั้งเด็กนักเรียนไปจนถึงผู้ใหญ่ที่มีอายุร่วม 80 ปี
ที่นี่ล่ะ นับว่าเป็นโอกาสดีของตัวฉันเองที่ประกาศสัจจะออกมาจากใจอย่างชัดเจนว่าต่อไปนี้ขอให้ทุกคนว่างตัวเสมอเหมือนกันหมดโดยไม่เลือกว่าใครจะมีสถานภาพสูงต่ำแค่ไหน หากเป้นมติของที่ประชุมแต่งตั้งเป็นตัวแทนไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ตนก็ต้องลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อทำหน้าที่ตัวแทนภายในชั้นด้วยตนเอง

นี่แหละ ภายในชั้นอบรมถึงได้มีการปูพื้นฐานเอาไว้ให้คนที่มีโอกาสเข้ามาแสวงหาความรู้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ ก่อนที่จะรู้ว่าหน้าที่ของแต่ละคนนั้นควรวางตัวเป้นอย่างไร หรือใครจะพูดว่าตัวฉันเอง “ปูพื้นฐานประชาธิปไตยเอาไว้ให้แก่คนในชั้นอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง” ก็ใช่

ใครเลยจะรู้ว่า ฉันกำลังจะทำอะไรกันแน่ ถ้าเป็นคนมีนิสัยสนใจวักถาม ฉันก็จะบอกให้ตามตรงแต่ถ้าไม่ถามก็เป็นเรื่องของแต่ละคนควรคิดได้เองอย่างอิสระ

ถัดมาได้ไม่นานมากนัก ได้มีฝรั่งต่างชาติได้เดินเข้ามาถามฉันว่า ท่านทำยังไงถึงได้สร้างเสริมประชาชนให้เข้าถึงกันได้หมด ทั้งนี้เพราะเขามองเห็นความจริงว่า คนในวงการกล้วยไม้ ไม่ว่าจะงานที่ไหนรวมทั้งจังหวัดใด คนแทบจะทั่วประเทศต่างก็เดินทางไปช่วยกันอยู่ตรงนั้นโดยแทบจะไม่มีใครต้องมาขอร้องให้ไป

นี่แหละที่ฉันมักตอบว่า ไม่ต้องมาถามผมถึงถามผมแล้วบอกไปคุณก็อาจไม่เชื่อ เมื่อไม่เชื่อก็ย่อมไม่รู้เป็นธรรมดา
ฉันจึงมักตอบกลับไปว่า “ขอให้ดูเอาเองก็แล้วกัน” ซึ่งเป็นประโยคสั้นๆ แต่มีความหมายอย่างลึกซึ้ง
ทีแรกตัวฉันเองก็ทำหน้าที่เป็นนักวิจัยอยู่ในชนบทอีกทั้งนำปฏิบัติอย่างมีความสุข แต่มันก็ไม่ได้มานานมากนัก ทั้งนี้เพราะอยู่ตรงนั้นได้ไม่ถึง 3 ปี ฉันก็ถูกสั่งย้ายเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อมาทำงานวิจัยข้าวอยู่ที่สถานีวิจัยในบางเขน
ตัวฉันเองได้ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อทำงานวิจัยในเรื่องนี้โดยที่มีโอกาสพบความจริงว่า ฉันทำเพื่อประโยชน์สุขของชาวนาชาวไร่ ก็ใช่เพื่อข้าวเท่านั้นไม่ หากคิดอยู่ในใจมาตลอดว่า ถ้าขืนบังคับให้ฉันทำเพื่อข้าว ฉันคงหลบหนีคุกตารางของจิตใจไปอยู่ที่อื่นเช่นนี้เป็นต้น

ทั้งนี้ เป็นเพราะตัวเองเริ่มมองเห็นความจริงอีกแล้วว่า คนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงข้าวก็ใช้ข้าวเป็นเป้าหมาย แทนที่จะใช้เพื่อนมนุษย์ซึ่งยังตกทุกข์ได้ยากเป็นเป้าหมายสำคัญ ในขณะเดียวกันเพราะฉันทำโดยให้ความสำคัญแก่มวลมนุษย์เป็นหลักนี่แหละถึงได้ทำให้ตัวเองถูกย้ายไปอยู่ที่นั้นที่โน้น

แต่ก็เป็นคนมีนิสัยไม่ใช่ปากจัด หากเป็นคนมีใจจัดมาตลอดจึงมักทำอะไรก็ตามย่อมมีแนวโน้มนำปฏิบัติเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางตรงกันข้ามเสมอ อย่างที่มักพูดกันว่าสิ่งใดที่มันเป็นปัญหาถ้ากลับทิศทางเสียได้ก็ย่อมมีผลแก้ปัญหาได้เองอย่างเป็นธรรมชาติ

ดังนั้นไม่ว่าฉันจะไปทำงานอยู่ที่ไหน ตนก็มักถือขันติจึงนิ่งเฉยเสียโดยไม่พูดอะไรในเชิงโต้เถียงใครทั้งนั้น
หากนำปฏิบัติแบบทวนกระแสมาตลอดจึงไม่มีเรื่องมีราวกับใครทั้งสิ้น คงมีแต่การตักตวงความรู้จากผลแห่งจากคิดและนำปฏิบัติของตัวเอง

จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เกิดรู้สึกศรัทธาในตัวฉัน อธิการบดีถึงกับเอ่ยปากขอให้ฉันมาทำงานภายใต้สังกัดของมหาวิทยาลัย เอาอีกแล้ว หลังจากย้ายมาอยู่ภายในภาควิชาได้ไม่นาน ตนก็เกิดถูกเขม่นจากหัวหน้าภาค ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุว่า แต่ไหนแต่ไรมาครูอาจารย์ในภาคก็ทำงานร่วมกันมาอย่างสงบงบเงียบ แม้แต่ประชาชนซึ่งเป็นบุคคลภายนอกน้อยคนนักที่จะเดินเข้ามาในภาควิชาด้วยความเคารพรักและศรัทธา ครั้นตัวฉันเองย้ายเข้ามาอยู่ที่นี้ได้ไม่นานก็มีประชาชนคนภายนอกทยอยกันเข้ามาหาฉันด้วยความรักความศรัทธา
นี่แหละที่ทำให้ตัวฉันเองเกิดถูกเขม่นทั้งๆ ที่หัวหน้าภาคกับฉันก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาด้วยกันมาในอดีต มาถึงบัดนี้เกิดความรู้สึกริษยาขึ้นมาได้ยังไงก็ไนรู้

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ตัวฉันเองแม้จะถูกนำมาฟ้องอธิการบดีโดยหาเรื่องว่า ฉันทำงานเพื่อตัวเองแต่ท่านอธิการเองก็เป็นคนหูนักทำให้หลงเชื่อได้ไม่นาน หากคุณงามความดีของฉันทำให้ท่านรู้สึกศรัทธามากกว่า ดังนั้นคนที่เข้ามาใส่ร้ายป้ายสีก็ต้องถอยไปเอง

ในช่วงนั้นสำนักงานของมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ได้ย้ายเข้ามาตั้งอยู่ที่เกษตรกลางบางเขนแล้ว ดังนั้นแทบจะทุกช่วงของเวลานั่งรับประทานอาหารด้วยกัน ท่านอธิการบดีก็มักชวนฉันไปนั่งรับประทานอาหารร่วมด้วย อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าของมูลนินั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยเป็นประจำ

แต่หูฉันก็มักได้ยินคำพูดจากปากของผู้บริหารมูลนิธิที่เปรียบเปรยกล้วยไม้ว่าเป็นวัชพืชที่มีชื่อว่าแดนดี้ไลอ้อนเสมอๆ จนกระทั่งเริ่มรู้ความจริงได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า แม้แต่เจ้าหน้าที่ต่างประเทศก็ยังหลงมองผิดได้

อยู่มาวันหนึ่งก่อนที่ฉันจะถูกขอร้องให้ไปประชุมกล้วยไม้โลกครั้งที่5และเป็นผู้บรรยายในที่ประชุมเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1966 ที่เมืองลองซ์บรีส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา อยู่ๆ ท่านอธิการก็มาบอกฉันว่า “ระพี ทางมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์เขาจะออกค่าใช้จ่ายให้เธอไปประชุมกล้วยไม้โลกครั้งที่ 5” โดยหาเรื่องให้ฉันไปสังเกตการเรียนการสอนวิชาสถิติที่มลรัฐนอธ์ทแคโรไรน่าซึ่งที่นั้นเมื่อพูดถึงวิชาสถิตินับว่าได้รับการยอมรับจากประชากรภายในประเทศอย่างกว้างขวาง แม้แต่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์รวมทั้งกระทรวงเกษตรและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย

ทั้งนี้เพราะเหตุว่ามีปรมาจารย์ที่ดี ซึ่งไม่พียงแต่เก่งกล้าสามารถในวิชานี้เท่านั้น หากยังเป็นที่เคารพรักจากบรรดาศิษย์แทบจะทั่วโลก ท่านผู้นั้นก็คือ“ศาสตารจารย์ดร. เกอร์ทูส ค๊อกส์” ซึ่งเป็นสุภาพสตรีที่มีลูกศิษย์ลูกหาแทบจะทั่วโลก โดยเฉพาะในเมืองไทยก็ยังมีมากมาย

อนึ่ง เรื่องนี้ทำให้ฉันรู้สึกสงสัยว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์คงจะเห็นเงื่อนปมอะไรบางอย่างที่มันแฝงอยู่ส่วนลึกของหัวใจฉันโดยที่รู้ว่ามันไม่ใช่กล้วยไม่อย่างแน่นอน นอกจากนั้น การไปประชุมกล้วยไม้โลกครั้งนั้นทางมูลนิร็อกกี้เฟลเลอร์ยังออกค่าใช้จ่ายให้ภรรยาฉันเดินทางร่วมไปด้วยแต่จะต้องกลับเมืองไทยภายในช่วงเวลา 1 เดือน

ในขณะที่เราเข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาแล้ว การเบิกเงินค่าใช้จ่ายประจำเดือนจากมูลนิธิฯ มันก็แสนจะง่ายแม้ไม่จำเป็นต้องส่งหลักบานการจ่ายเงินไปให้เขา แสดงว่าเขาเชื่อใจฉันอย่างจริงๆ จังๆ เลยทีเดียว
นี่แหละที่มันมีอะไรต่อมิอะไรแฝงอยู่ในนั้นอย่างมากมาย จึงทำให้ขออะไรก็ตามมักมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการขอไปเสียทุกอย่างจนกระทั่งทำให้ตัวฉันเองรู้สึกเกรงใจ

ครั้นหวนกลับไปนึกถึงช่วงซึ่งตนยังทำงานอยู่ในกรมการข้าวกระทรวงเกษตรฯ ช่วงนั้นทางกระทรวงได้ขอทุนเพื่อไปศึกษาต่อปริญญาเอกในสหรัฐอเมริกา โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไปศึกษาในสาขาวิชาปรับปรุงพันธุ์ที่มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐมิสซิสซิปปี้ โดยใช้โครงการที่ศึกษารวดเดียวจบ ทั้งๆ ที่ปีนั้นมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิบินมาจากนิวยอร์กเพื่อมาสอบสัมภาษณ์และปรากฏผลว่ามีผู้สอบได้รวม 2 คน โดยที่ตัวฉันเองเป็นหนึ่งในสอง

เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ทำให้ฉันไม่ยอมไปทั้งๆที่มหาวิทยาลัยได้ตอบรับแล้ว นอกจากนั้นทางมูลนิธิยังเก็บทุนนี้เอาไว้ให้ฉันอีกเป็นเวลารวมทั้ง 3 ปี แต่ฉันก็ยังไม่ยอมไปแถมยังประกาศด้วยว่า “อย่ามาเรียกฉันว่าด็อกเตอร์เสียให้ยาก” ยังไงๆ ฉันก็ไม่ยอมที่จะไปเป็นทาสรับใช้ผลจากการจัดการศึกษาจากคนอื่น

แต่เหตุไฉนกาลเวลาจึงได้พลิกผันโดยการกลับหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้เป็นต้น แสดงว่าตัวฉันเองนอกจากมีราฐานของเหตุและผลที่หยั่งลงสู่แผ่นดินถิ่นเกิดอย่างลึกซึ้งแล้ว ยังกล้าเผชิญกับความจริงอย่างผู้กล้าหาญอีกด้วย
แต่แล้วในที่สุดมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ก็เริ่มเข้าใจถึงความจริงซึ่งอยู่บนพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นวัฏจักร
อนึ่ง เธอเชื่อไหมว่าช่วงที่ฉันเข้าไปอบยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งรับนอร์ทแคโรไรน่านั้น อาจกล่าวได้ว่าทุกวันหยุดสุดสัปดาห์มีหนังสือเชิญมาจากมลรัฐต่างๆ เกือบจะตลอดทั้งสองฝั่งสหรัฐอเมริกาเพื่อขอเชิญให้ไปพูดที่ประชุมประจำเดือนของมลรัฐเหล่านั้นซึ่งนับแล้วประมาณร่วม 30 มลรับ จึงทำให้ทุกเย็นวันศุกร์ฉันจะต้องบินไปยังมลรัฐต่างๆ แถมยังถูกจัดให้พักตามบ้านอย่างไม่ได้เว้นแต่ละราย ทั้งนี้เพราะไม่ว่าจะไปพักที่ไหน เจ้าของบ้านก็มักให้ความรักความศรัทธาแค่ตัวฉันอย่างที่คนไทยโบราณมักพูดกันว่า “อยู่ที่ไหนก็ตามขอให้มีน้ำใจแก่เจ้าของบ้าน” ไม่เพียงเท่านั้นแม้แต่ศาสตราจารย์ค๊อก เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ได้ แม้แต่วันธรรมดาในเวลาเย็นๆ ค่ำๆ ก็ยังมารับฉันจากที่พักไปคลุกอยู่ที่บ้านของท่านเสมอๆ ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากฉันเดินทางกลับมากรุงเทพฯแล้ว อยู่มาวันหนึ่งจึงทราบว่าอาจารย์ค๊อกได้ถึงแก่กรรมลงด้วยโรคชรา

ในวันนั้นทางมูลนิธิร็อกกี้แฟลเลอร์มาขอร้องให้ฉันไปเป็นผู้ใหญ่ยืนกล่าวคำไว้อาลัยท่ามกลางบรรดาศิษย์ของท่านที่ห้องประชุมภายในอาคารอารักขาข้าวที่บริเวณกลางบางเขน ฉันนึกถึงท่านอาจารย์ผู้นี้ซึ่งในอดีตเคยเป็นผู้ที่เข้ามาปูพื้นฐานวิชาสถิติให้แก่มหาวิทยาลัยต่างๆ ดังเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปถึงสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ยัง! ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ใครเลยจะรู้ว่าท่านอาจารย์ค็อกผู้นี้เป็นสุภาพสตรีที่มีจิตใจสุภาพอ่อนโยนที่มอบให้แก่บรรดาศิษย์แทบจะทุกหัวระแหง แม้แต่ศูนย์วิจัยในสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่า “รีเซิร์สไทน์แองเกิล (Rasearch Triangle)” ซึ่งตั้งอยู่ในมลรัฐนอร์ทแคโรไรน่ามีผลงานเป็นที่ยอมรับไปทั่ว ศูนย์แห่งนี้ท่านอาจารย์ค็อกก็เป็นบุคคลสำคัญก่อกำเนิดขึ้นมาด้วยเช่นกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *