Blog

ประสบการณ์ชีวิต บำเพ็ญทุกข์กิริยา

บัดนี้อายุฉันกำลังจะใกล้ 90 ปีเข้าไปแล้ว  ฉันนึกถึงหลักธรรมซึ่งควรถือว่าคือ “ทางสายกลาง” เพราะมองเห็นได้สองด้าน โดยมีด้านหนึ่งเป็นพื้นฐานของอีกด้านหนึ่ง ฉันหวนกลับไปนึกถึงช่วงซึ่งตนยังมีอายุได้เพียง 6 ขวบ  ช่วงนั้นเพราะพ่อรักมากที่สุดจึงเอาลูกคนนี้ไปให้คนอื่นเขาเลี้ยงโดยมีเจตนาที่จะหล่อหลอมให้เป็นคนมีนิสัยพึ่งตนเองได้อย่างเข้มแข็ง ช่วงแรก  ได้เอาไปฝากไว้ในโรงเรียนประจำซึ่งใช้นักเรียนปกครองกันเอง  ถัดจากนั้นมาช่วงที่สองได้นำไปฝากให้คุณครูของพ่อซึ่งมีนิสัยเลี้ยงเด็กให้ทำงานหนักเป็นผู้ปกครอง ส่วนช่วงที่สาม  เพราะมีแม่เลี้ยงที่ขาดความรักขาดจริงใจคอยกดหัวอยู่ในทีจึงนับได้ว่าชีวิตได้ผ่านความยากลำบากมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ครั้นมาเรียนเกษตรอยู่ที่แม่โจ้  ซึ่งช่วงนั้นต้องเผชิญกับความยากลำบากสารพัดอย่าง  แม้แต่เป็นไข้ป่ารวมทั้งอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองแบบเผด็จการคอร์รัปชั่น  ก็ยังไม่เท่าไหร่  สำหรับช่วงที่กล่าวถึงนี้  ตัวฉันเองเริ่มรู้สึกได้ชัดเจนยิ่งขึ้นแล้วว่า “เพราะความทุกข์ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย  หากเป็นครูสอนให้ชีวิตพบความสุขลึกซึ้งยิ่งขึ้น” ช่วงกลับไปนึกถึงช่วงปลายปี พ.ศ. 2484  ซึ่งขณะนั้นยังคงถือว่าวันที่ 1 เมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่  ปิดภาคปลายปีการศึกษาเมื่อต้นเดือนมีนาคม  ขณะนั้นญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกเพื่อเข้ายึดครองประเทศสยาม โดยใช้เป็นทางผ่านเข้าไปทำสงครามกับสิงคโปร์และพม่า แม่โจ้ยังเป็นฐานการศึกษาเกษตรของวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่บางเขน  ซึ่งชีวิตฉันสามารถแสดงผลการเรียนสูงพอที่จะมาศึกษาต่อในวิทยาลัยแห่งนี้  จึงมีโอกาสเข้ามาเรียนต่อในคณะเกษตรของวิทยาลัยฯ ประจวบกันกับปี พ.ศ. 2486  วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รับการสถาปนาขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัยและขณะนั้นยังมีแต่นิสิตชายฝ่ายเดียว นอกจากนั้นพระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการยกเว้นเข้าไปรับเกณฑ์ทหารยังไม่ได้ประกาศ  ดังนั้นนิสิตทุกคนที่มีอายุเข้าเกณฑ์จึงต้องเข้าไปรับการเกณฑ์ทหารตามกฎหมาย ดังนั้น  ในขณะที่ตัวฉันเองกำลังเรียนขึ้นชั้นปีที่ 2 แล้ว  ถ้าถูกเกณฑ์ทหารก็จะต้องเสียการเรียนไปในอดีตทั้งหมดรวมเป็นเวลา 3 ปี เต็มๆ  อีกทั้งหลังจากนั้นจะกลับเข้ามาเริ่มต้นเรียนใหม่อายุมันก็พ้นไปแล้ว  ช่วงนี้ทำให้แม่ของฉันรู้สึกเป็นทุกข์หนัก ชั้นแรก  แม่คิดที่จะนำเอาฉันไปรดน้ำมนต์ที่วัดกัลยา  ซึ่งอยู่ฝั่งธนบุรีเพราะมีคนเล่าว่าพระอาจารย์เส่งรดน้ำมนต์ให้คนหลุดจากเป็นทหารมาหลายคนแล้ว  […]

By admin | บทความ
DETAIL

ศิลปะหรืออนาจาร

เราได้ยินกันมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ขณะที่พบภาพเขียนหรือภาพถ่ายซึ่งมีคนเปลื้องผ้าห่อหุ้มร่างกายออกหมด และแสดงท่าทางต่างๆ  มักมีคำถามปรากฏออกมาว่า เป็นภาพศิลปะหรืออนาจาร กระทั่งหลังจากที่สังคมวางกฎระเบียบ ติดตามมาด้วยการใช้อำนาจควบคุม โดยที่คิดว่าถ้าเป็นงานศิลปะ ควรถือว่าคือการศึกษาที่ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณมนุษย์ หากเห็นว่าเป็นอนาจาร ย่อมถือว่าขัดศีลธรรมอันดีงาม ประเด็นดังกล่าว ได้มีการนำมาถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง แต่แล้วในที่สุดก็ค่อยๆ เงียบหายไปเสมือนคลื่นกระทบฝั่ง วันดีคืนดีก็เกิดเรื่องราวเช่นเดียวกันขึ้นมาอีก หากมองเห็นภาพรวม  อีกทั้งใช้ความจริงจากธรรมชาติเป็นพื้นฐานการพิจารณา  น่าเข้าใจได้ว่า สิ่งที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ไม่ว่าจะผ่านพ้นมาแต่อดีตหรือกำลังจะก้าวต่อไปสู่อนาคต  หากคิดว่าเป็นภาพคลื่นกระทบฝั่ง ลูกแล้วลูกเล่า ก็น่าจะเป็นไปได้  แต่ถ้าไม่สนใจค้นหาความจริงให้ลึกซึ้งถึงที่สุด ก็คงหาจุดจบยังไม่พบ หากใช้หลักธรรมชาติเป็นพื้นฐาน แล้วมองไปยังภาพรวมของปรากฏการณ์ทั้งหมด โดยไม่นำเอาเงื่อนไขในด้านกาลเวลาหรือสิ่งอื่นใดมาผูกติดไว้  ย่อมรู้ความจริงได้ว่า แท้จริงแล้วก็คือการกระจายสิ่งซึ่งเป็นปรากฏการณ์ อันมีสภาพที่เรียกกันว่า 2 ขั้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ถ้าคิดที่จะค้นหาความจริงต่อไป  ก่อนอื่นควรเริ่มต้นสร้างความเข้าใจให้ตนเองรู้ว่าเรื่องนี้เกิดจากความรู้สึกนึกคิดอันเป็นธรรมชาติของคนซึ่งอยู่ร่วมกันในสังคม  หากสะดุดคิดลึกลงไปอีกขั้นหนึ่ง น่าจะช่วยให้มองเห็นความจริงว่า สิ่งที่เป็นของแท้ซึ่งทำให้เกิดเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ย่อมมีความจริงอยู่ในรากฐานจิตใจคนซึ่งมีธรรมชาติแตกต่างกัน หวนกลับไปนึกถึงชีวิตเราแต่ละคน จากยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งแต่ก่อนก็คงไม่มีสิ่งใดมาใช้ห่อหุ้มร่างกาย หากคงเป็นไปอย่างเปิดเผย โดยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด ช่วงถัดมา คนเริ่มมีการนำวัตถุจากธรรมชาติที่อยู่ภายนอกตัวเองมาใช้เสริมสร้างการดำรงชีวิต  ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย และอาหาร อันถือเป็นธรรมชาติในด้านรูปวัตถุระดับพื้นฐาน มีผลทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งประกอบขึ้นเป็นภาพรวมของกระบวนการธรรมชาติรวมถึงชีวิตคน  มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสานเหตุและผลถึงซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด […]

By admin | บทความ
DETAIL

การจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้ง…ใครได้ ใครเสีย?

ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 อยู่ ๆ ก็มีหนังสือเชิญมาจากกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ให้ไปร่วมเสวนาในเรื่อง “การจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้ง ใครได้ใครเสีย” ความจริงแล้ว คำถามแบบนี้ฉันคิดว่าคนไทยทุกคนน่าจะรู้ดีมานานแล้ว แทนที่จะหลงปิดตัวเองอยู่ที่รั้วโรงเรียนและมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นเพียงสิ่งสมมติ ครั้นเกิดปัญหานี้ขึ้น ฉันจึงกล้าเกล่าอย่างมั่นใจได้ว่า “ปัญหาในเรื่องนี้มันก็อยู่ที่คนคิดจัดการในเรื่องนี้นั่นเอง เหตุใดฉันจึงเชื่อว่าปัญหานี้เราควรรู้ดีกันมานานแล้ว แม้แต่เรื่องเสื้อเหลืองเสื้อแดงซึ่งนำไปสู่ภาวการณ์นองเลือด ก็เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าบ้านเมืองของเรานั้นมันมีความหมายแค่ไหน ครั้นมาเกิดประเด็นนี้ขึ้น ฉันก็เลยหายสงสัยเลยว่า “คนไทย ยิ่งเป็นคนเรียนมาสูง ๆ ภายในสถาบันการศึกษาซึ่งเปรียบเหมือนคุกขังความคิดคนให้คับแคบ แล้วเราจะมาบ่นว่าชนรุ่นหลังไม่รักแผ่นดินถิ่นเกิดได้ยังไงกัน” อนึ่ง ฉันขอบอกตามตรงว่าตัวเองขณะนี้มีอายุกำลังจะเข้า 90 ปีแล้ว แต่ก็ยังมุ่งมั่นลงไปทำงานในชนบท เพื่อให้คนในระดับล่างรู้เท่าทันต่อสิ่งซึ่งอยู่ภายนอกรั้วโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ซึ่งความจริงแบบนี้เราจะต้องปรับใจให้เปิดกว้าง แทนที่จะคิดแบบเห็นแก่ตัว มัวเมาอยู่กับสิ่งซึ่งเป็นเพียงรูปวัตถุแบบหนึ่ง แม้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชท่านก็ยังเสด็จออกไปจากรั้ววัง ไปสร้างคุณงามความดีอยู่ในแวดวงชาวบ้าน ไม่เช่นนั้นแล้วเวลาศึกสงครามพระองค์ท่านจะได้รี้พลเป็นเรือนแสนมาช่วยเสริมกองทัพได้ยังไง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ท่านก็ทรงงาน โดยมุ่งมั่นลงไปเรียนรู้ทุกข์สุขของประชาชน แต่ขณะนี้ผู้บริหารประเทศทุกระดับ ซึ่งควรจะลงไปปฏิบัติตัวให้เป็นแบบอย่างแก่ประชาชน โดยลงไปศึกษาหาความรู้จากชาวบ้านมิฉะนั้นแล้วเราจะต้องสูญเสียแผ่นดินถิ่นเกิดของตัวเราเอง เพราะการนองเลือดครั้งที่แล้ว สาเหตุสำคัญมันก็มาจากเหตุอันเดียวกัน หรือว่ามันยังไม่สะใจ ความจริงทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่หลักธรรมประจำใจ แม้แต่เครื่องหมายของกระทรวงยุติธรรมก็ยังใช้รูปตาชั่ง ซึ่งหมายความว่า “เมื่อด้านหนึ่งขึ้น อีกด้านหนึ่งก็ควรลง”เพราะฉะนั้นอย่าถือดีว่าตัวเองเรียนรู้มาแล้ว เพราะการเรียนรู้สัจธรรมของชีวิต ตัวเราเองนั่นแหละเมื่อขึ้นไปยืนอยู่ที่สูง จิตวิญญาณก็ควรลงมาสู่ด้านล่าง […]

By admin | บทความ
DETAIL

หอมกลิ่นกล้วยไม้ : ประวัติชีวิตของระพี สาคริก

วิหกเอ๋ย     เจ้าจะเลย   ท่องเที่ยวบิน  ไปถิ่นไหน วิหกไพร   ต้องหากิน  ถิ่นแถวป่า  พนาวัน เจ้าทิ้งถิ่น เที่ยวบินร่อน พักผ่อนกาย มาหลายวัน ท้องลำธาร ละหารใส ช่างเหงาใจ ไร้คู่เคียง เพียงแต่เจ้า เศร้าในใจ ใครไม่รู้ เป็นคู่คู่ ดูนกอื่น ช่างขื่นขม มองดูแล้ว  ดูเหมือนเจ้า  เฝ้าตรอมตรม คงระทม เหมือนตัวเรา เศร้าไม่วาย อกเราเอ๋ย ช่างไม่เคย สุขหัวใจ ให้รู้หาย รักกลับกลาย  ดั่งสายชล ที่วนเปลี่ยน ทุกเวลา ช่างหว้าเหว่  ด้วยเร่ร่อน  ร้อนรุมกาย  หลายเวลา รักร้างลา  ไม่มาหลัง  ช่างเหงาใจ  ไร้คู่เคียง ร้อยกรองบทนี้ เพื่อนรักคนหนึ่งของฉันที่ชื่อ“ระดม เศรษฐีธร”ร่วมกับตัวฉันเอง ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2483 ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคการศึกษาภาคปลายของแม่โจ้รวม 3 เดือน ทำให้ที่นั้นไม่มีชีวิตคนจะอยู่แม้แต่หมาตัวเดียว   ถ้าอยู่มันก็ต้องอดตาย  […]

DETAIL

อ่านจิตใจมนุษย์ ผ่านวิกฤตน้ำท่วม

ธรรมชาติสอนมนุษย์ให้ละความเห็นแก่ตัวลงไปเสียบ้าง เธอ ที่รักของฉัน ฉันนั่งพิจารณาดูเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้แล้วรู้สึกว่ามันเกิดเรื่องราว ขึ้นเพราะมนุษย์มีความเห็นแก่ตัวสูง เหตุผลก็คือ ในอดีตที่ผ่านมา คนไทยส่วนใหญ่ขาดความรักความสามัคคีซึ่งกันและกัน แม้น้ำท่วมครั้งนี้ จะรวมตัวกันก็ตามแต่ก็คงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น หวล กลับไปนึกถึง การพัฒนาชนบทของไทยเท่าที่ผ่านมาแล้ว ฉันกล้าพูดว่ามันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ถ้าจะเปรียบเทียบน้ำท่วมครั้งนี้กับเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๕ แล้ว ครั้งก่อนมันมากกว่านี้ ที่ฉันกล้าพูดก็เพราะว่า ตนเองอยู่ในเหตุการณ์มาตลอดหนึ่งเดือนเต็มๆ แต่สังคมในครั้งนั้น บรรยากาศในกรุงเทพก็ยังไม่มีคนแออัดเหมือนเดี๋ยวนี้ ฉันเฝ้าสังเกตดูกรุงเทพฯ มาตลอด และพูดมานานแล้วว่า การพัฒนาชนบทมันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ตัวบ่งชี้ก็คือ แผงลอยข้างถนนมันแน่นขนัดยิ่งขึ้นทุกวัน แม้แต่นั่งรถแท๊กซี่ ฉันก็ชอบที่จะถามว่ามาจากจังหวัดไหน ส่วนใหญ่ก็มักจะอพยพมาจากภาคอีสาน เรื่องมีขโมยขโจนในกรุงเทพฯ แต่ก่อนมันก็ไม่มี ทุกคนกล้าเดินกลางคืนบนถนนหนทางได้อย่างมีความสุข และยังมีอีกหลายเรื่องที่สังเกตให้เห็นได้ว่ามีคนอพยพมาจากต่างจังหวัด แม้ แต่ปัญหาชุมชนแออัด ซึ่งครั้งหนึ่งในช่วง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพ ได้เคยเชิญให้ฉันและคุณหมอ ประเวศ วะสี ไปปรึกษาเพื่อคิดวิธีแก้ไขปัญหา ครั้นคุยกันไปได้พักหนึ่ง เราก็บอกว่า การแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดในกรุงเทพฯนั้นจะต้องคิดแก้ไขในต่างจังหวัด ความจริงเรื่องนั้น ก็คือหลักธรรม ที่ว่า ถ้าเกิดปัญหาขึ้นที่ไหน ก็ควรหวลกลับไปแก้ไขอีกด้านหนึ่ง สรุปแล้ว […]

By admin | บทความ
DETAIL

น้ำมาปลากินมด…

“น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา” สิ่งนี้คือคำขวัญที่คนในอดีตฝากไว้ให้ทุกคนได้นำไปคิดค้นหาความจริง หากใครเข้าถึงย่อมจะหยั่งรู้ไว้ว่าคำขวัญประโยคนี้คือหลักธรรมะที่สอนให้มนุษย์มุ่งมั่นทำงานอย่างมีความสุข อนึ่ง การทำงานอย่างมีความสุขควรหมายความว่า การทำงานในสิ่งซึ่งตนมีความรักความสนใจ หากเข้าถึงความจริงที่มีอยู่ในจิตใจตนเองได้อย่างลึกซึ้งย่อมมีความสุข และนำไปสู่ผลสำเร็จได้ทุกเรื่อง ทั้งนี้เนื่องจากพฤติกรรมที่กล่าวไว้ว่า “น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา” ควรจะหมายความถึงวิถีการเปลี่ยนแปลงที่หมุนวนเป็นวัฏจักร เช่นเดียวกันกับคำขวัญที่กล่าวไว้ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” แต่ก็ยังมีบางคนที่นำไปตีความผิดด้าน เนื่องจากเข้าใจว่าการได้ความดีนั้นคือการได้วัตถุจึงทำให้ผลการปฏิบัติเกิดความเลวร้ายเพิ่มมากยิ่งขึ้น คงต้องใช้ศิลปะในการคิดแก้ไขปัญหาที่เรียกกันว่า “รู้แล้วนิ่งเสีย” ซึ่งเป็นวิธีดับทุกข์วิธีหนึ่งออกมาใช้บนพื้นฐานการมีส่วนร่วม อนึ่ง ในช่วงที่น้ำท่วมหนัก ฉันมักได้ยินคนพูดกันว่า “จงเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส” แต่ในทางปฏิบัติ ฉันยังมองไม่เห็นเลยว่าใครจะคิดและนำเอาเรื่องนี้มาปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจังให้มันถึงความจริง คงเห็นแต่คนแต่งกายด้วยชุดสากลนิยมออกมายืนพูดว่าจะปิดทางน้ำตรงนั้น และเปิดทางน้ำตรงนี้โดยไม่ได้หันมาดูพฤติกรรมของตัวเองว่าได้ทำอะไรเอาไว้ในอดีตสุดแต่จะเอื้อมมือกลับไปให้ถึงอดีตของตัวเองมันก็ทั้งยาก ความจริงแล้ว ถ้าหวนกลับไปสู่อดีตและไม่ใช่คนลืมง่าย เราจะพบว่าเมื่อไม่นานมานี้มีคนหลายกลุ่มที่นำเอาเรื่องการพิจารณาค้นหาคนดี มาสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของคนท้องถิ่นอย่างน่าสนใจมาก แต่วิญญาณการเกิดที่ริเริ่มดังกล่าวมันเกิดขึ้นจากบรรยากาศที่ค่อนข้างจะเลื่อนลอยคล้ายลมพัดชายเขา ส่วนใหญ่ที่ได้รับจึงไม่ค่อยจะชัดเจนเท่าไรนัก ความจริงแล้ว น้ำท่วมครั้งนี้น่าจะช่วยให้แต่ละคนสามารถมองเห็นคนดีที่ลุกขึ้นมานำปฏิบัติช่วยตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดีก่อนที่จะคิดก้าวออกไปช่วยคนอื่น เธอที่รัก ฉันเชื่อว่าเธอหลายคนคงเคยขึ้นเครื่องบินโดยสารมาแล้ว ก่อนที่เครื่องบินจะเริ่มต้นออกบินนั้น เธอสังเกตหรือเปล่าว่าพนักงานประจำเครื่องเขาประกาศว่าอย่างไร หรือเธอเอาแต่นั่งคุยกันกับเพื่อน บางก็นั่งหลับ ความจริงแล้ว แม้ประกาศเรื่องการสวมหน้ากากออกซิเจนเพื่อช่วยการหายใจ เขายังบอกว่าให้สวมตัวเองเสียก่อนแล้วจึงค่อยสวมให้เด็ก นี้คือระบบความปลอดภัยที่จัดไว้เป็นขั้นเป็นตอนว่า “ผู้ใหญ่ควรทำตัวให้ดีก่อนที่จะคิดไปว่าเด็ก” เธอที่รัก ขณะนี้สังคมไทยได้สั่งสมเอาขยะสังคมเข้าไปไว้ในจิตใจคนเพิ่มมากยิ่งขึ้นโดยไม่รู้จักคำว่าพอเพียง เมื่อได้เท่านั้นก็จะเอาเท่านี้ เมื่อได้เท่านี้ก็จะเอาเท่าโน้นโดยไม่รู้จักหยุดความโลภโมโทสัน ขณะนี้ป่าไม้มันก็หมดถ้าคิดจะปลูกทดแทนก็มีแต่ข้ออ้างว่าทำไม่ได้เพราะมีปัญหาอย่างนั้นอย่างโน้น แม้แต่ในภาพรวมของสังคม ผู้ใหญ่ก็สะท้อนให้เห็นการเอาเปรียบเด็ก […]

By admin | บทความ
DETAIL

เห็นเงาอะไรในกระแสน้ำท่วม

“เห็นแต่เงา เฝ้าแต่ฝัน รักแต่น้องซึ่งเป็นมิ่งขวัญ” เนื้อเพลงบทนี้อยู่ในทำนองเพลง “วอลซ์” ซึ่งฉันเคยได้ยินมาตั้งแต่อดีต ความจริงแล้วเธอซึ่งส่วนใหญ่คือน้องฉันแทบทั้งหมด เพราะตัวฉันเองก็มีอายุใกล้จะร้อยปีเข้าไปทุกทีแล้ว คงขาดอีกไม่มากนักซึ่งตัวฉันเองอยู่อย่างประมาทคงไม่ได้ หากควรมุ่งมั่นทำงานรับใช้สังคมหนักมากยิ่งขึ้น เรียนรู้ความจริงจากใจตนเองไปเสียมิได้ จึงให้ความจริงจากใจแก่ทุกคนตั้งแต่อายุยังเป็นเด็กมาจนถึงบัดนี้ อนึ่ง การที่ฉันใช้คำว่า “ฝัน”ก็เพราะเหตุว่า น้ำท่วมครั้งนี้ฉันมองในด้านดีมากกว่าด้านเสียหาย ด้านดีด้านนี้ก็คือ การที่เธอทั้งหลายให้ใจซึ่งกันและกันอันควรถือว่าคือความรักความสามัคคีกลมเกลียวกันไว้ ซึ่งเป็นผลส่งให้ทุกคนมีความสุขอย่างสำคัญที่สุดสำหรับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ชาติ เมื่อเขียนมาถึงช่วงนี้ ฉันเองคงละเลยเสียมิได้ที่จะขออัญเชิญกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรทุกคนที่เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มโพธิสมภาร จึงทรงพร่ำสั่งสอนอยู่เสมอว่า “ขอให้มีความรักความสามัคคีกันเข้าไว้เพื่อจะได้นำบ้านเมืองไปสู่ความสุข” น้ำท่วมครั้งนี้ ฉันยังไม่แน่ใจว่า ความรักความสามัคคีของเธอทั้งหลายมันจะเป็นความจริงที่อยู่ไปได้นานแค่ไหน หรือว่าน้ำท่วมครั้งนี้มันจะช่วยสอนเธอได้แต่เพียงความฝันชั่วครั้งชั่วครู่เท่านั้น บัดนี้เธออาจนึกประหลาดใจ ถ้าฉันจะกล่าวว่า ในอดีตนั้นตัวฉันเองถูกลูกหลานกำหนดให้ไปนั่งทำงานอยู่ที่ริมแม่น้ำแควใหญในจังหวัดกาญจนบุรีเพราะบ้านกำลังจะถูกน้ำท่วมอย่างหนัก ครั้นอยู่ ๆ ก็ไปโผล่ขึ้นที่สิงคโปร์โดยมีคณะร่วมทางไปด้วย เพื่อไปร่วมประชุมกล้วยไม้โลกครั้งที่ 20เธอเชื่อหรือเปล่าว่า เมื่อปี ค.ศ.1963ซึ่งขณะนั้นตัวฉันเองมีอายุเพียง 33ปี แต่ก็มีโอกาสก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีโลกคนเดียว อีกทั้งมีอายุน้อยที่สุด ครั้นหันไปดูรอบข้างก็พบว่าหลายคนมีอายุสูงกว่าฉันอย่างเห็นได้ชัด แถมยังคอยให้กำลังใจฉันอย่างเต็มที่ ช่วงหลัง ๆ ฉันได้พูดพร่ำบอกกับเธอว่า “ตัวฉันเองไม่ได้ทำเรื่องกล้วยไม้ แต่ทำเรื่องอื่นที่มันลึกซึ้งกว่ากล้วยไม้มาก ๆ” ไม่เช่นนั้นแล้วคนเขาจะนับถือฉันตั้งแต่อายุยังไม่มากนักได้ยังไงกัน นับตั้งแต่ ปี ค.ศ.1963มาแล้ว มาครั้งนี้เป็นปี ค.ศ.2011ซึ่งนับได้ว่าครบรอบการจัดประชุมระดับโลกครั้งแรกของสิงคโปร์พอดี แสดงว่าตัวฉันเองได้ปฏิบัติธรรมมาตลอดชีวิตจึงสามารถหยั่งรู้ความจริงได้ว่า […]

By admin | บทความ
DETAIL

ฉันเก็บของมีค่าได้จากกระแสน้ำไหล

ถ้าเป็นของใครกรุณามาแสดงหลักฐาน เธอที่รักทุกคน ขณะนี้น้ำท่วมเต็มตลิ่งมานานมากแล้วต่างก็เดือดร้อนหนัก เพราะคิดว่าตัวเองก็คงอยู่ต่อไปได้ยาก แล้วในที่สุดก็คงต้องจมน้ำตาย หรือไม่ก็ประสบกับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งนี้เพราะกระแสน้ำมันไหลแรงยิ่งขึ้นทุกที จนกระทั่งทำให้อาคารบ้านเรือนซึ่งเป็นของท้องถิ่นจะต้องพังทลายเสียหายไปในที่สุด เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้หลายคนจำต้องนั่งกอดเข่าด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์เพิ่มมากยิ่งขึ้น ความจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเปลี่ยนแปลงอยู่บนโลกใบนี้ ต่างก็ให้โอกาสแก่มนุษย์ ในการนำไปสู่วิถีทางที่สร้างสรรค์ แต่คนเรานั้นมักมีแนวโน้มมองปัญหาต่างๆ ด้วยความทุกข์ร้อน โดยไม่สามารถใช้ปัญญาตนเองให้บังเกิดเงื่อนไขที่มีความสุขได้เองอย่างเป็นธรรมชาติ บางคนถึงกับคิดในด้านดีว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ถ้าเรามีแต่การมอบให้ซึ่งกันและกัน ย่อมช่วยให้ทุกคนมองเห็นความดีของสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ที่มันเกิดขึ้นและมีผลทำให้สังคมไทยจำต้องพบกับความเสียหายอย่างหนัก เหตุไฉนตัวเธอเองมองสิ่งต่างๆ ในด้านดีไม่เป็น แม้แต่เรื่องดวงตราของกรมไปรษณีย์ รวมทั้งดวงตราที่ติดอยู่หน้าศาลยุติธรรมเป็นรูปตาชั่ง ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความยุติธรรมในสังคมไทยเช่นนี้เป็นต้น “เมื่อไม่รู้สิ่งนี้ก็ย่อมปฏิเสธที่จะรู้สิ่งนั้น” ดังนั้น ถ้าไม่รู้สึกเจ็บปวดเพราะกระแสน้ำท่วมว่ามันเป็นผลดีแก่การคิดแก้ไขปัญหาที่ปรากฏออกมาในสังคมปัจจุบัน ดังนั้น ถ้ามองเห็นปัญหาอื่นใดก็ตามที่มันคัดค้านกันเองแบบนี้ จึงเท่ากับว่าให้คนที่รู้เท่าทันหันไปคิดอีกด้านหนึ่ง ดังนั้น ถ้าด้านหนึ่งเสียหายหนัก อีกด้านหนึ่งก็ย่อมดีขึ้น แม้แต่เหตุการณ์น้ำท่วมที่มันทำให้คนไทยจำต้องเผชิญกับความทุกข์ ในที่สุดคนที่เผชิญกับสภาพดังกล่าวก็จำต้องหวนกลับมาแลเห็นว่า ในที่สุดทุกคนก็ต้องพบกับความสุขได้จากการนำปฏิบัติโดยไม่รู้สึกว่ามันยากหรือเปล่า ฉันอยากจะสรุปให้เธอฟังในเรื่องดังกล่าว เช่นว่า ถ้าเธอพบว่าด้านหนึ่งเบากว่าอีกด้านหนึ่ง เธอย่อมนำมาใช้แก้ไขปัญหาในสังคมได้ไม่ยาก ถ้าน้ำมันมาแรงก็ย่อมช่วยให้สภาพภายในสังคมมันดียิ่งขึ้น เหมือนอย่างกับที่พูดฝากไว้ว่า “การจะรู้เธอค่าของสีขาว ตัวเองจะต้องสนใจเรียนรู้จากสีดำไปก่อน” เพราะฉะนั้นถ้าเธออยากเรียนรู้สีขาว เราก็ต้องกล้าเผชิญกับสีดำ ถ้าต้องการความสบายเราก็ต้องเรียนรู้จากความยากลำบาก ฉันเชื่อว่า ยังมีเรื่องราวอีกมากมายหลายอย่าง ที่สะท้อนผลให้เธอนำไปคิดค้นคว้าหาความจริงได้จากปัญหาน้ำท่วม เวลานี้คนหนีความยากลำบากไปเข้าวัด คนเหล่านี้น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาไม่เคยรู้เธอค่าของความยากลำบากมาแต่อดีต […]

By admin | บทความ
DETAIL
Page 19 of 23« First...10...1718192021...Last »
[สถาบันอาศรมศิลป์] : เลขที่ ๓๙๙   ซอยอนามัยงามเจริญ ๒๕  แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ๑๐๑๕๐
โทรศัพท์. ๐๒-๔๕๙-๓๒๒๖-๗, ๐๒-๘๖๗-๐๙๐๓-๔ โทรสาร. ต่อ ๑๓๙ E-Mail : [email protected]
[ศ.ระพี สาคริก]
บ้านเลขที่ 6 ถ.พหลโยธิน ซอย41 ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 Tel:025791028 email : [email protected]
[Professor. Rapee Sagarik] 6 Paholyothin Rd. Soi 41 Ladyao, Jatujak, Bangkok 10900 , Thailand
TOP